ตาพระยา วันเวลาในหุบเขา (อสท)
ธเนศ งามสม...เรื่อง
ธเนศ งามสม, โสกณ บูรณประพฤกษ์...ภาพ

มองออกไปรอบ ๆ ปรากฏทิวเขาทอดยาวสีคราม ราวป่าแต้มด้วยจุดวับวามของหิ่งห้อย ขณะเบื้องบนดวงดาวลอยเกลื่อนท้องฟ้า
เราอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ที่ซึ่งเรียกว่า "กลางดง" หน่วยพิทักษ์ป่าใน อุทยานแห่งชาติตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว หลายคืนแล้วที่เราพบภาพเช่นนี้ ความที่อยู่ห่างไกล แวดล้อมด้วยป่าเขา เราจึงมีเดือนดาวเป็นเพื่อนตายามค่ำคืน นอกจากเสียงลมพัดไล้หมู่ไม้ เก้งร้องระวังไพรก็เป็นอีกเสียงที่กังวานไปทั่วหุบเขา ห่างจากบ้านพักไม่ไกล คือ ทุ่งหญ้ากว้าง บางคืนเราพบฝูงกระทิงออกมาและเล็มหญ้า ขณะกลางวันเก้งเดินเยื้องย่างอยู่ริมชายป่า เหยี่ยวรุ้งบินร่อนหาอาหาร พูดได้ว่ากลางดงคือบ้านของสัตว์ป่า รอบ ๆ นั้นรายล้อมด้วยทิวเขา มีเพียงถนนดินแดงทอดเข้ามา
สำหรับ "กลางดง" ค่ำคืนกับกลางวันนั้นคล้ายคลึงกัน นั่นคือ ความสงบเงียบสงัด ในยามตะวันจัดจ้าบรรดาสัตว์ป่าจะหลบอยู่ในดงไม้ จนเมื่อแดดละลายหาย พวกเขาจะออกท่องไปทั่วป่าในหุบเขา นาฬิกาคล้ายหมุนเนิบช้า นั่นทำให้เรามองเห็นตะวันคล้อย จันทร์เคลื่อนลอยชัดเจน มองเห็นแดดอบอุ่นและแสงดาวฉายอาบเรือนยอดไม้ ได้มองเห็นว่าฤดูกาลนั้น...งดงามเพียงใด

เราก้าวเดินตามกันไป ค่อย ๆ ไต่ความสูงชันของเทือกเขาบรรทัด สู่แนวหน้าผา ไม้ใหญ่แผ่ใบร่มครึ้ม ลำธารเริ่มคืนชีวิตชีวา รอยกระทิงปรากฏชัดบนทางด่าน ขนาดราวฝ่ามือกางนั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าของรอยตัวโตแค่ไหน ขณะแสงแรกฉายส่องลงมา เราก็ก้าวพ้นแนวหน้าผาตัดชัน เสียงนกร้องหวานใส่ ลมเย็นพัดลูบไล้เนื้อตัว
ที่ ความสูงราว 400 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ผืนป่าเบื้องล่างค่อย ๆ แผ่กว้างออกไป และเมื่อออกมายืนริมหน้าผา ทิวทัศน์เบื้องหน้าก็กระจ่างชัดเต็มดวงตา ปรากฏทิวเขาทอดยาวทั้งซ้ายและขวา โอบล้อมผืนป่าไว้ราวกับปราการโบราณ ในใจกลางซึ่งคล้ายผืนกำมะหยี่สีเขียวนั้น ปรากฏจุดเล็ก ๆ ของหน่วยฯ กลางดง เสมือนบ้านของคนดูแลป่า ขณะไกลออกไปเบื้องทิศตะวันออก ผืนป่านั้นปูลาดสุดสายตา แผ่กว้างออกไปจดผืนป่ากัมพูชา
"ตอนเด็ก ๆ ผมตามพี่ชายไปเที่ยวป่าบ่อย ๆ เราเข้าไปในกัมพูชา" ยอดอาคม มิ่งมาลี พิทักษ์ป่าประจำหน่วยฯ กลางดง เอ่ยขณะยืนอยู่บนหน้าผา ความที่บ้านเกิดอยู่ติดชายแดน ทำให้เขาคุ้นเคยป่าผืนนั้นเป็นอย่างดี เคยเห็นทั้งช้างป่าและฝูงวัวแดง
"สมัยตาเป็นพราน แกเคยเล่าว่าสัตว์เยอะ ช่วงหน้าแล้งพวกมันจะลงจากภูเขา เข้ามาหากินในป่าที่ราบระหว่างตาพระยากับกัมพูชา" ชายหนุ่มเล่าพลางเหม่อมองไกลออกไป ทุกวันนี้ป่าชายแดนหายสูญไปมากแล้ว ผลพวงจากสงครามอันยาวนาน ทั้งกับระเบิดและกระสุนปืนล้วนพร่าผลาญชีวิตมากมาย เช่นเดียวกับ "ตาพระยา" รอยอดีตยังแทรกซ่อนอยู่ใต้ผืนดินและใบไม้ทับถม หลุมเพลาะ ค่ายฝึกอาวุธยังปรากฏร่องรอยในทุ่งหญ้า ที่แตกต่างคือผืนป่ากำลังฟื้นคืน บรรดาสัตว์ป่าเริ่มหวนคืนตาพระยา
ระหว่างทางกลับลงมา นอกจากต้นตะเคียนหลายคนโอบรอบ ไทรสูงใหญ่จนต้องแหงนคอมอง เรายังพบงูเหลือมขนาดกว่า 3 เมตร ร่องรอยช้างป่าและฝูงนกแก๊ก ชีวิตซึ่งเปรียบเหมือนดัชนีชี้วัดว่าป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์เพียงใด

ฤดูฝนมาเยือนตาพระยาแล้ว หญ้าเริ่มระบัดใบอ่อน ไผ่ป่าทยอยแตกหน่อใหม่ ๆ กระเจียวผลิดอกสีชมพูอ่อนหวาน ด้วยความสมบูรณ์ของอาหาร ทำให้เราพบรอยฝูงกระทิงใหม่ ๆ ทั้งในทุ่งหญ้าและบนถนนดินแดงไม่ไกลจากบ้านพัก ทุก ๆ วันท้องฟ้าจะห่มคลุมด้วยเมฆทีมเทา อากาศร้อนอบอ้าว ที่ทุ่งหญ้าบรรดานกกระแตแต้แว้ดพากันกกไข่ ซึ่งวางไว้กับพื้นดินกลางแจ้ง เมื่อมีสัตว์ผู้ล่าหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าใกล้ พวกมันจะร้องประสานเสียงกันแล้วบินโฉบไล่
ต้น ฤดูฝนเช่นนี้ บรรดาสัตว์ป่าดูจะแบกภาระหน้าที่อันหนาหนัก ลูก ๆ กำลังเติบโต อาหารจึงต้องเพิ่มปริมาณตามทุก ๆ วัน ใต้ดวงตะวันแผดจ้า ผมพบนกกะรางหัวขวานครอบครัวหนึ่ง พวกมันผลัดกันบินจากโพรงรังในป่าเต็งรัง ออกไปหาแมลงที่ทุ่งหญ้าเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า ราวกับไม่รู้เหน็ดเหนื่อย บางคราวพวกมันได้มดตัวเล็ก ๆ แมงมุม หรือไม่ก็ผึ้งตัวโตกลับมา ทว่าบางคราวก็ว่างเปล่า ขนตามตัวซึ่งดูบางตาและซีดจาง บอกให้รู้ว่าหน้าที่ของพ่อแม่นั้นหนักหนาและยิ่งใหญ่แค่ไหน
ในกลางดง...ดูเหมือนชีวิตจะผลัดเปลี่ยนโมงยามตามวันเวลา ขณะตะวันเริ่มคล้อย พ่อแม่นกกระรางหัวขวานค่อย ๆ ผ่อนคลายการงาน ก็เป็นเวลาของครอบครัวนกตบยุงที่จะออกมาทำหน้าที่บ้าง เช่นเดียวกับทุกชีวิตในป่า ต้นฤดูฝนคือช่วงเวลาให้กำเนิดลูก ๆ ตัวน้อย
ระหว่างขับรถไปตามถนนดินแดง เรามักพบเจอพวกมันบ่อย ๆ ในคืนหลังฝนตกใหม่ ๆ พ่อแม่นกตบยุงมักพาลูก ๆ ออกมาโฉบจับยุงและแมลง เมื่อต้องแสงไฟดวงตาของพวกมันก็แดงพราวราวดวงไฟประดับประดา เช่นเดียวกับครอบครัวนกตบยุง เมื่อตะวันคล้อยลับฝูงกระทิงก็เริ่มออกท่องไปทั่วป่า ในยามค่ำคืนหลายครั้งที่เราเห็นพวกเขาเดินข้ามถนน บางฝูงมีสมาชิกราวสิบตัว ขณะบางฝูงก็มีมากกว่า และที่สำคัญพวกเขามีลูกเล็ก ๆ รวมอยู่ในฝูงด้วยเสมอ
ล่วงสู่ฤดูฝน ทุกชีวิตในป่าล้วนผลิดอกใบและเติบใหญ่ ทุ่งหญ้าพร้อมกันระบัดใบ สายน้ำค่อย ๆ เติมเต็มลำธาร ทั้งกล้วยไม้และไม้ใหญ่พากันผลิดอกสีสดใส เช่นกัน...บรรดาสัตว์ป่าก็ให้กำเนิดทายาท แน่นอนว่าการจะผ่านฤดูกาลอันร้อนแล้งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม้ใหญ่ต้องยืนหยัดทานทนต่อเปลวแดดและไฟป่า บรรดาสัตว์ป่าต้องหาอาหาร ซึ่งมีจำกัดมาเลี้ยงดูลูก ๆ ให้อยู่รอด กระทั่งความร้อนแล้งค่อย ๆ ละลาย สายฝนมาเยือน บรรดาชีวิตใหม่ทั้งหลายก็เข้มแข็งพอจะดูแลตนเองได้ ฤดูกาลเป็นเช่นนี้ วันเวลานำพาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มาสู่หุบเขา
หลาย คืนที่อยู่กลางดง เรามองเห็นชัดเจนว่าตาพระยานั้น มีความหมายมากเพียงใด ผืนป่ากำลังฟื้นคืน สายน้ำเริ่มเติมเต็มลำธาร สัตว์ป่าหลายชนิดเริ่มกลับคืนมา
ขณะขับรถไปตามถนนดินแดงแล้วพบฝูงกระทิงปรากฏอยู่ตรงหน้า ได้เห็นลูกกระทิงตัวน้อยค่อย ๆ ก้าวตามแม่ลับหายไปในราวป่า นั่นกล่าวได้ว่าเป็นภาพความทรงจำครั้งหนึ่งในป่าใหญ่ คือ ภาพอันงดงามจากตาพระยา
คู่มือนักเดินทาง







การเดินทาง
จากสระแก้วไปตาพระยาสะดวกสุด โดยทางหลวงหมายเลข 33 ถึงบ้านใหม่ไทยถาวร ใช้ทางหลวงหมายเลข 348 (ตาพระยา-บุรีรัมย์) ราว 5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 52 ฉบับที่ 11 มิถุนายน 2555